yeongyu : พี่เต้ย(6)

 

 

วันนี้เป็นวันที่ 31 ธันวาคม ปี2019 ไม่น่าเชื่อเลยว่าเวลามันจะผ่านไปรวดเร็วขนาดนี้ ㅡเบบี้ยังจำตอนที่ตัวเองเพิ่งสอบติดม.4ที่โรงเรียนใหม่ได้อยู่เลย 

 

ตอนนั้นน่ะ กลัวแทบตายว่าจะไม่มีเพื่อน แต่สุดท้ายทุกคนก็รักและเอ็นดูเขา โดยเฉพาะนายที่เบบี้ทำใจกล้าเข้าไปทัก 

 

คนหน้านิ่งๆที่นั่งเงียบๆคนเดียวดูไม่สนใจใครตอนนั้น สุดท้ายก็กลายเป็นเพื่อนที่รู้ใจแล้วคบกันมานานมากจนเขามีงานทำและอีกคนเรียนกำลังจะจบแพทย์แล้ว

 

เบบี้คิดว่าชีวิตของตัวเองไม่ได้หวือหวาอะไร มันเรียบง่ายแต่ก็เต็มไปด้วยความทรงจำมากมาย โดยเฉพาะเรื่องการได้แอบชอบรุ่นพี่คนหนึ่ง

 

เราㅡ ใช้คำว่าเราได้ไหมนะ เจอกันครั้งแรกตอนที่เพื่อนคนอื่นๆในห้องชวนไปดูการแข่งบาสของโรงเรียน เบบี้ไม่เคยเห็นคนๆนี้มาก่อน พอลองถามใครๆก็บอกว่าพี่เขารักสันโดษ ไม่ค่อยยุ่งกับใครสักเท่าไหร่ นายถึงกับบอกว่าเป็นคนที่ดูเหมือนมีออร่าสีดำแผ่ออกมาตลอดเวลา

 

แต่เบบี้ไม่เห็นว่าจะเป็นอย่างนั้นเลย 

 

พี่เต้ยน่ะ ส่องแสงออกมาจนเขาละสายตาจากอีกคนไม่ได้เลย

 

ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก

 

ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าใครเป็นคนบัญญัติคำนี้ แต่เบบี้ไม่ขอเรียกสิ่งที่ตัวเองทำว่าตื้อ แต่ขอเรียกว่าเอาใจใส่จะดีกว่า

 

ㅡหลังจากแอบมองพี่เต้ยมาเป็นอาทิตย์ สมองของเขาก็ร้องเตือนขึ้นมาว่าต้องทำอะไรสักอย่าง ขืนทำแค่มองอยู่อย่างนี้ แม้แต่ชื่อกับหน้าก็คงไม่ได้เข้าไปอยู่ในสมองส่วนเมมโมรีของพี่เต้ยหรอก

 

ดังนั้น ปฏิบัติการค่อยๆพาตัวเองเข้าสู่ชีวิตพี่เต้ยจึงเริ่มขึ้น

 

เริ่มจากวิธีเบสิค เบบี้คิดว่าการเขียนโน้ตเป็นเรื่องที่เสี่ยวพอสมควร แต่ถ้าอยากถูกจดจำก็คงต้องทำ ㅡในวันนั้นเขาจึงเริ่มซื้อขนมที่เห็นพี่เต้ยกินบ่อยๆ เขียนโน้ตไว้บนโพสอิทสีเหลืองอ๋อย แล้วแอบเอาไปวางบนโต๊ะของพี่เต้ย

 

ทำแบบนี้มาเป็นอาทิตย์แต่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับอะไร สุดท้ายเลยกลั้นหายใจ กอดถุงขนมแน่นๆแล้วตัดสินใจวิ่งไปหยุดตรงหน้าพี่เต้ยที่ใบหน้าชื้นเหงื่อ เส้นผมสีดำสนิทลู่ไปกับใบหน้า ได้ยินเสียงหายใจที่ยังไม่ค่อยคงที่ของอีกคนชัดจนเกือบจะเป็นลม

 

“พี่เต้ย เราเป็นคนเอาขนมไปวางบนโต๊ะพี่เอง แต่หลังจากนี้เราจะเอามาให้ต่อหน้าทุกวันเลยนะ”

 

เบบี้ก็ไม่แน่ใจว่าตอนนั้นที่พูดไปมันฟังรู้เรื่องหรือเปล่า เขารู้สึกว่าภาพตรงหน้ามันเบลอไปหมดตอนที่อยู่ห่างจากพี่เต้ยไม่เกิน1.5เมตร 

 

ㅡพอทำใจกล้ามองพี่เต้ย ก็เห็นว่าอีกคนดูตกใจ สีหน้าดูครุ่นคิด พี่เต้ยหันไปมองทางด้านหลังที่มีพวกเพื่อนในกลุ่มㅡมีไอ้พี่ปาร์คยืนทำหน้าเก๊กอยู่ด้วยㅡ อีกคนที่เห็นชัดๆน่าจะเป็นพี่ตี๋กำลังมองมาทางนี้อย่างสงสัย

 

“ขอบคุณ”

 

มือใหญ่ๆของพี่เต้ยคว้าถุงขนมก่อนจะเดินออกไปอีกทางอย่างเร่งรีบ 

 

เมื่อพี่เต้ยไม่ได้ปฏิเสธ หัวใจของเด็กน้อยก็มีความหวังขึ้นมา

 

แต่หลังจากนั้นน่ะสิ

 

ทุกครั้งที่เขาเอาขนมไปให้พี่เต้ยก็จะชอบหยิบแล้วเอาไปให้คนอื่นแล้วจงใจพูดเสียงดังๆว่าไม่อยากกิน หรือเคสร้ายแรงกว่าก็ทิ้งลงถังขยะต่อหน้า 

 

แต่เบบี้ก็ไม่ได้ถอดใจหรอกนะ 

 

ผู้ชายเอาใจยาก ม๊าบอก

 

แต่ก็นะ หัวใจดวงเล็กๆของเด็กม.5ก็มีขีดจำกัด

 

เบบี้ที่ถือถุงขนมที่ทำเองㅡจริงๆก็ม๊าทำ เขาแค่ไปยืนให้กำลังใจㅡ เดินตรงไปยังโต๊ะประจำของแก๊งพี่เต้ย 

 

พี่ตี๋เป็นคนแรกที่สังเกตเห็นแล้วโบกมือให้ เบบี้ยิ้มตอบกลับไปก่อนจะสบตากับพี่เต้ยที่ดูหงุดหงิดแปลกๆ

 

เบบี้ยิ้มแหยๆ พี่เต้ยคงจะเอือมเขาเต็มทน ทั้งๆที่เมื่อวานซืนตอนที่เขาซื้อสมูตตี้เจ้าอร่อยไปให้พี่เต้ยหลังอีกคนเล่นบาสเสร็จก็โดนเททิ้งลงพื้นจนหมดแก้วㅡ ซอสสตรอเบอร์รี่เลอะรองเท้าพละด้วย เกือบซักไม่ออกแน่ะ

 

คนตัวเล็กสูดลมหายใจเข้าแล้วหยุดยืนตรงหัวโต๊ะก่อนจะยื่นถุงขนมลายตุ๊กตาหมีให้คนตรงหน้าㅡ พี่ปาร์คกับเพื่อนๆพี่เต้ยส่งเสียงแซวออกมาจนหน้าร้อน 

 

พี่เต้ยดูไม่ค่อยพอใจ อีกคนลุกขึ้นคว้าข้อมือเขาอย่างแรงแล้วกึ่งดึงกึ่งลากไปตรงหลังห้องน้ำที่เงียบไร้ผู้คน

 

“ทำไมยังไม่หยุดทำแบบนี้อีก”

 

“เราอยากทำให้พี่”

 

“พอเหอะ”

 

“…”

 

“พี่ไม่ได้ชอบเรา ได้ยินชัดพอมั้ย?”

 

22:30

 

เบบี้ยกแก้วค็อกเทลที่นายยื่นให้ขึ้นดื่ม เสียงกีต้าร์ที่พี่ปาร์คเล่นคลอทำให้บรรยากาศอบอุ่นขึ้นหลายเท่า ทำเอาคิดถึงสมัยมัธยมขึ้นมาซะงั้นㅡ ดวงตากลมมองแสงไฟประดับที่ช่วยกันกับทุกคนเอาไปพาดแขวนบนต้นไม้

 

23:00

 

เผลอแปปเดียวก็จะเข้าวันใหม่ ที่เป็นปีใหม่ด้วยซะแล้ว พวกรุ่นพี่บางคนหลับคอพับไปซะแล้วแต่ก็ฝากไว้ว่าให้ปลุกขึ้นมาเค้าท์ดาวน์ตอน 23:59 ด้วย

 

ข้างๆมีพี่ตี๋ที่เอาแต่เช็คโทรศัพท์ เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ประมาณสี่ทุ่มแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้ถามเพราะอาจจะเป็นเรื่องส่วนตัว

 

23:20

 

พี่ตี๋ดูผ่อนคลายลงไม่ค่อยเช็คโทรศัพท์แล้ว หลังจากอีกคนลุกออกไปคุยโทรศัพท์ ได้ยินแค่แว่วๆว่าซื้อไฟเย็นมาด้วย เบบี้จัดหัวกลมของตัวเองที่หนุนไหล่ของนายให้เข้าที่ เริ่มจะง่วงแล้วเหมือนกันแต่เขาอยากรอดูพลุตอนเที่ยงคืนก่อน

 

23:30

 

“เบบี้”

 

เจ้าของชื่อลืมตาขึ้นตอนได้ยินเสียงเรียก เป็นพี่ตี๋ที่นั่งยองลงตรงหน้าเขา

 

“เดี๋ยวจะมีเพื่อนพี่มาเค้าท์ดาวน์ด้วยอีกคน ถ้ามันกดกริ่งเราช่วยไปเปิดหน่อยนะครับ”

 

ตอบตกลงไปก่อนจะนั่งตัวตรงแล้วบิดขี้เกียจ นายที่ตื่นแล้วเหมือนกันก็ขอตัวไปห้องน้ำ 

 

ผ่านไปสักพักกริ่งบ้านก็ดัง เบบี้มองไปด้านข้างก็เห็นพี่ตี๋กำลังไล่ปลุกเพื่อนๆ จึงตะโกนบอกอีกคนว่าจะไปเปิดประตู

 

23:38

 

เสียงกริ่งดังขึ้นเป็นครั้งที่สาม เบบี้รีบวิ่งออกมาจนลืมใส่รองเท้าจึงต้องวิ่งกลับไปใส่ แอบสงสัยว่าทำไมเพื่อนพี่ตี๋ถึงมาเอาตอนอีกไม่กี่นาทีจะเที่ยงคืนอยู่แล้วเหมือนกัน

 

“มาแล้วครับบ”

 

ตะโกนออกไปก่อนจะหมุนตัวล็อคของประตู พอเปิดออกก็เห็นกลุ่มผมสีน้ำเงินไม่คุ้นตา ส่วนใบหน้ากับช่วงตัวนั้นโดนปิดด้วยกล่องลังที่ใส่ของมาใบบะเร้อ

 

“รถติดชิบหาย เกือบไม่เจอร้านขายไฟเย็นละ”

 

เบบี้ถอยหลังตามที่อีกคนเดินหน้าเข้ามา ยื่นมือไปรับถุงใส่ไฟเย็นจากอีกคนทั้งๆที่ตัวชาวาบเมื่อได้ยินเสียงที่แม้จะไม่ได้ยินมาถึง6ปีแต่ก็จำได้ขึ้นใจ

 

คนตรงหน้าย่อตัวก่อนจะวางกล่องลังลงเมื่อเดินมาจนถึงหน้าบ้าน 

 

“มึงเป็นเด็กเหรอตี๋ อยู่ๆก็จะเล่นไฟเㅡ”

 

“เบบี้?”

 

“พี่เต้ย”

 

ใช่

 

คนที่อยู่ตรงหน้าเบบี้ คือพี่เต้ย

 

ตัวจริงเสียงจริงเลยแหละหม่าม๊า!

 

23:42

 

เราเดินข้างกันท่ามกลางความเงียบ เสียงพลุเล็กที่เริ่มถูกจุดถูกกลบด้วยเสียงหัวใจที่เต้นแรง คนตัวเล็กเม้มปาก ชำเลืองสายตามองพี่เต้ยที่มีอะไรเปลี่ยนไปหลายๆอย่าง

 

พี่เต้ยสูงขึ้นเมื่อก่อนระดับสายตาเขาคือคางพี่เต้ย แต่ตอนนี้มองเห็นแค่ไหล่ของอีกคนไปซะแล้ว, พี่เต้ยย้อมผมสีน้ำเงิน ซึ่งมันดูเข้ากับอีกคนเอามากๆ, พี่เต้ยเจาะหูเพิ่มสองรู จิวบนหูพี่เต้ยเป็นสิ่งที่เบบี้ชอบมากๆตั้งแต่สมัยมัธยมแล้ว

 

“แอบมองพี่เหรอ”

 

เจ้าของหัวกลมสะดุ้งเมื่อคนที่ลอบมองอยู่หันหน้ามาหากันㅡ สายตาพี่เต้ยเจือด้วยความรู้สึกบางอย่างที่เบบี้ยังอ่านไม่ออก คนตัวเล็กกระแอมแก้เก้อหนึ่งทีก่อนจะเดินหนีไปนั่งตรงม้านั่งในสวน

 

พื้นที่ว่างข้างๆถูกคนมาใหม่จับจอง เราสองคนวางมือค้ำกับม้านั่งไว้ ห่างกันแค่ไม่กี่เซนติเมตรㅡ สุดท้ายเบบี้ก็เป็นคนทำลายความเงียบ

 

“พี่เต้ยเป็นไงบ้าง อยู่นู่นเรียนอะไรเหรอ”

 

“สบายดี พี่เรียนบริหาร”

 

“ยากมั้ย?”

 

“ก็ยากใช้ได้ ปรับตัวนานอยู่”

 

“…”

 

“…”

 

“พี่รู้ใช่มั้ยว่ามันไม่ใช่สิ่งที่เราอยากถามหรอก”

 

เบบี้ได้ยินเสียงหายใจของคนข้างๆชัดเจน พี่เต้ยหันหน้ามาหาก่อนจะตอบ

 

“พี่จะตอบทุกอย่างที่เราอยากรู้”

 

“ทำไมพี่ถึงทำแบบนั้น”

 

“ทำไมพี่ถึงไม่บอกกันเลย เรารู้จากพี่ปาร์คแล้ว ทำไมถึงไม่บอก…” เบบี้สูดหายใจลึก “…ว่าชอบเราเหมือนกัน ทำไมพี่ต้องทำให้มันยาก”

 

“พี่ขอโทษ”

 

“…”

 

“เบบี้อยากฟังเรื่องของพี่มั้ย พี่สัญญา พี่จะเล่าทุกอย่างเลย”

 

 

 

แต่ว่าขอไปเล่าในพาร์ทต่อไปนะ จ้ากกก ตอนแรกกะจะให้จบในพาร์ทเดียวแต่ไม่ได้จริงๆค่ะ แต่ตอนหน้าจบแน่ๆคอนเฟิร์ม

 

พาร์ทหน้าก็จะเคลียร์หลายๆอย่าง จะเล่ามุมพี่เต้ยบ้างแล้ว

 

กลับไปเม้นในจอยกันหน่อยนะคะ อย่าเป็นนักอ่านเงาเลยT___T

 

ยอนกยููจงเจริญ มีมม.ได้แล้วค่ะ